21 February 2005

Lonely Waiting

ยังรออยู่... ก็แค่หวังว่าจะรักษาสัญญา... ถึงแม้ว่าจะไม่มีหวังแล้วก็ตาม...

20 February 2005

Love in Red & White

เมื่อวานไปดูคอนเสิร์ตโต๋มา (Love in Red & White Concert)

กรี๊ดดดด สุดยอดดดดมากกกกกเป็นคอนเสิร์ตที่สุดยิดที่สุดเท่าที่เคยดูมาในชีวิต (แหม ทำยังกับว่าได้ไปดูมาหลายคอนเสิร์ตนัก)

เดินทางไปถึงเวลาประมาณ 18.30 เจอพี่โต๋ในมุมที่ไม่เคยเห็น (ภาพน่ะ)

ก็เข้าไปในห้องประชุมตอนประมาณ 18.50 ได้มั้ง แต่กว่าคอนเสิร์ตจะเริ่มจริง ๆ ก็ตั้ง 19.20 (เลทอีกแล้ว) ก็เปิดตัวด้วยเพลงอะไรไม่รู้ เร็ว ๆ รัว ๆ มีวงเครื่องสาย (พวกไวโอลิน เชลโล่อะไรพวกนี้ ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน) กับคนเล่งกลองด้วย ตอนแรกก็เห็นมีแกรนด์เปียโนสีดำอยู่ทางด้านซ้าย ก็มองใหญ่เลยนะว่าเมื่อไหร่โต๋จะออกมา ปรากฏอยู่ ๆ ฉากสีขาวด้านขวาก็หมุนปรื๊ดออกมา มีเปียโน (ที่พบภายหลังว่า เป็นคีย์บอร์ดสอดไส้) สีขาวอยู่ข้างใน และโต๋ก็เล่นอยู่ กรี๊ด ๆ ๆ

หลังจากเพลงเปิดตัว โต๋ก็ออกมาพูดอะไรนิดหน่อย

แล้วก็บอกว่าจะเล่นเพลง He Leadeth Me (เพลงของคริสเตียน) โต๋ก็บอกประมาณว่า เป็นเพลงที่บอกว่าพระเจ้าดูแลพวกเราอยู่เสมอ (คริสเตียนแรงจริง) แล้วก็ร้องไห้!!! โต๋ร้องไห้! ก็ไม่ได้ร้องเวอร์หรอก แต่ก็แบบ ซึ้ด ๆ นิดหน่อย แล้วก็เล่น (มีบางช่วงหลับตาเล่นด้วย สงสัยเล่นมาเป็นล้านรอบ บ้าดี และก็พบได้ในหลาย ๆ เพลงที่หลับตาเล่น)
หลังจากนั้น ก็เล่นเพลง "คนไม่พิเศษ" แบบไม่ร้อง ตามด้วย "สัญญา" กับ "ห่างไกลเหลือเกิน" (บรรเลงหมดเลย) แล้วก็มีเพลงอะไรอีกบ้างหรือเปล่าไม่แน่ใจ แล้วก็มาเล่นเพลง "สักวันหนึ่ง" แบบบรรเลงได้สักสองนาทีมั้ง ก็ย้อนกลับไป แล้วเจ้มาริสาก็ออกมาร้อง พลังเสียงอยากตาย แล้วมาริสาก็มาร้องเพลงสากลอะไรอีกเพลงจำชื่อไม่ได้ อะไร ๆ Valentine เนี่ยแหละ ไม่แน่ใจ พอถัดจากมาริสา ก็มีน้องโต๋ ชื่อเต๋ ออกมาร้องเพลงสากล ไม่รู้เพลงไรอีกแล้วจำไม่ได้ โดยที่โต๋เล่นกีตาร์

หลังจากนั้นเต๋ก็ร้องเพลงเดี่ยว เห็นว่าเป็นเพลงประกอบละครที่ยังไม่ออนแอร์ และยังไม่ได้ยินที่ไหนกันด้วย รู้สึกชื่อเพลง "เธอทำให้ฉันเปลี่ยน" หรือเปล่าหว่า ไม่แน่ใจ นั่นแหละ เต๋ร้อง โต๋เล่นคีย์บอร์ด

แขกรับเชิญคนต่อไป เป็นอาจารย์อะไรไม่รู้ เล่นขลุ่ยไทย ออกมาเล่นเพลงเขมรไทรโยคกับโต๋ สุดยอดดดดด มีการเล่นเพลงโต้กันด้วย สนุกดี


รายต่อไป เสนาหอย เปิดตัวด้วยเพลง "รักคุณเข้าแล้ว" แต่แอบมีการแก้เนื้อล้อเลียนโต๋ (และแฟนคลับโต๋) ฮา...

หลังจากนั้นก็เล่นเพลง "แช่ง" แบบบ้า ๆ แล้วจบด้วย "แอบเหงา" เวอร์ชั่นโต๋เล่นคีย์บอร์ดและก็มีท่อน Solo แซกโซโฟนของพี่หอยเหมือนเดิม

ถัดไป ก็มีเซอร์ไพรส์ (ทั้งคนดู และโต๋) คือตอนแรกแบบเป็นประวัติโต๋ (มีรูปโต๋ตอนเด็ก ๆ เต็มไปหมด) คนพากษ์แบบฮามา ออกเสียง "โต๋" แบบ "โต๋ว" แล้วก็เอารูปฮา ๆ มาเยอะ เสร็จแล้วก็สลับกับพ่อโต๋พูด ๆ (เป็นวีดีโอ) บรรยายว่าเด็ก ๆ โต๋เป็นยังไง มีพรสวรรค์ยังไงอะไรประมาณนี้ เสร็จแล้ว ก็จบเป็นพ่อโต๋บอกว่าวันนี้ผมมีของขวัญพิเศษจะให้กับโต๋ในวันนี้ แล้วก็เดินออกไปจากวีดีโอ แล้วเวทีก็เปิดไฟ มองแว้บแรก อ๊ะ พ่อโต๋นั่งอยู่กลางเวที ปรากฏว่า...

พี่เปิ้ล!!! พี่เปิ้ลสาระแนน่ะ มาเล่นละครใบ้ เป็นแบบเล่นเปียโนอยู่ (แต่ไม่มีเปียโน) แล้วก็มีเสียงเปียโนจริง ๆ ไม่รู้ใครเล่นหรืออัดไว้ไม่รู้ ตลกมาก แล้วก็มีอะไรฮา ๆ แบบเล่น ๆ อยู่เปียโนก็เลื่อนออกไป แล้วก็ต้องไปดันกลับมาอะไรประมาณนี้ เสร็จแล้วพอเล่นเสร็จ พ่อโต๋(ตัวปลอม) ก็ออกมาเล่า ๆ ๆ อะไรฮา ๆ แบบตลก ๆ อะ ขำมากกกกกกกกกกกกกกก

เสร็จแล้วเปิ้ลก็บอกว่า ขอเชิญคุณแม่โต๋ตัวจริงครับ แปะ ๆ ไอ้เราก็คิดว่าเออเดี๋ยวแม่โต๋ออกมาอะไรประมาณนี้ ปรากฏว่าเป็นเสนาหอย!!! แต่งตัวเหมือนแม่โต๋เดะ ๆ (มีการฉายภาพพ่อแม่โต๋นั่งดูข้างล่างให้ดูด้วย) แล้วสองคนก็มาเล่นมุขบ้า ๆ ฮาสัด ๆ มีอันนึงคือหอยบอกว่า "โต๋ แม่มีข่าวดีจะมาบอกโต๋... แม่มีน้องอีกคนแล้วนะ ตอนนี้มีโต๋เต๋ ส่วนนี่ (ลูบท้อง) ติ๊งต๊อง" อะไรแบบนี้ แต่คือ ขำมากกกกกกกกกกกกกกกก


พอจบจากทอล์คโชว์ของเปิ้ลกับเสนาหอยที่ฮาเหี้ย ๆ แล้ว ก็ถึงคราว B5 ออกมา ตอนแรกร้องเพลงรวมกัน รู้สึกจะเพลงลมหายใจ เสร็จแล้วแต่ละคนก็ออกมาร้องกันคนละเพลง (มีแค่ เค้ก คิว เบน เพราะว่ามาเรียมไปเรียน) พอเล่นกันเสร็จครบ ก็เป็นวีดีโอของมาเรียมมาพูด ๆ ๆ ว่าเสียดายไม่ได้มาแต่ต้องไปเรียนอะไรแบบนี้




เสร็จแล้ว 4 คนก็มาพูด ๆ อะไรเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น เบนกำลังรีบทำอัลบั้มเดี่ยว (หลังจากที่บอกมาสามปีก็ยังไม่เสร็จ) แต่เค้าบอกว่าเกือบเสร็จ ส่วนเค้กกำลังจะไปเรียนต่อทางการร้องเพลงที่เมกา และส่วนคิว ก็คิดว่าวง Flure จะได้มีผลงานออกมาประมาณกลางปีนี้


หลังจากนั้นก็ถึงคิวพี่บอยด์ โกสิยพงษ์

ออกมา คุย ๆ เกี่ยวกับเรื่องโต๋ แล้วก็มีการแต่งเพลงสด! สุดยอดมาก ตอนแรกก็แบบ "เอ้า โต๋ ช่วยเล่นทำนองแบบบ่าย ๆ เย็น ๆ เหงา ๆ เศร้า ๆ" ซิ อะไรแบบนี้ โต๋ก็เล่นทำนองสดออกมา

หลังจากนั้นเค้าก็สุ่มที่นั่งออกมาคนนึง ได้เป็นดาราคนนึ่งชื่อบี (หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่เดาว่า เค้าคงไปสืบ ๆ มาว่าดารานั่งตรงไหนบ้างแล้วเอามา) ก็บอยด์ก็สัมภาษณ์บีเกี่ยวกับเรื่องนู้นเรื่องนี้ เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหม? เวลาทำนู้นทำนี่มีความรู้สึกอะไรยังไง บีก็พูด ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ บอยก็จดใส่กระดาษ ๆ ยิก ๆ ๆ แล้วก็พึมพำพึมพำ เสร็จแล้วก็ร้องเพลงออกมา (แบบแต่งสด) แล้วโต๋ก็เล่นทำนองสดออกมาต่อได้ กรี๊ด ๆ บ้ามาก (ไม่รู้เตี้ยมเปล่า) แต่เค้าก็บอกว่า นี่คือบรรยากาศการทำงานจริง ๆ แบบนี้แหละ เสร็จแล้ว เค้าก็เรียกพี่นพออกมาร้องเพลงที่แต่งสดให้ (เพราะบอยร้องเองแล้วมันขำ ๆ ยังไงไม่รู้)



หลังจากนั้นพี่นพก็มาร้องเพลงอะไรหว่า จำไม่ได้ แล้วก็มีการเอาทุกคนออกมาร้องเพลงร่วมกัน

หลังจากนั้น (ไม่มีภาพ เพราะถ่ายวีดีโอ) โต๋ก็เล่นเพลง "เฉียด" ที่โต๋แต่งทั้งเนื้อร้องและทำนองเอง แต่คราวนี้ยังเล่นแค่ทำนองอยู่ (ยังไม่ยอมร้องไม่รู้ทำไม) หลังจากนั้นก็ต่อด้วยเพลง "ได้ไหม" ที่โต๋บอกว่า พี่บอยแต่งให้จากแบบเมื่อกี๊ คือบอยมา ถาม ๆ ๆ โต๋เรื่องนู้นเรื่องนี่ แล้วก็แต่งออกมา นี่คือเนื้อ...

กำลังนั่งฟังเพลงนี้อยู่ใช่หรือเปล่า
จะรังเกียจไหมถ้าใครสักคนมีเรื่องที่จะเล่า
ตั้งแต่เขาได้เจอกับเธอ วันและคืนหัวใจเขามองเหม่อ
โดยที่ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร

บทเพลงเพลงนี้ถ่ายทอดจากความรู้สึก
ส่วนลึกข้างในจิตใจที่เขามีให้
และเขานันไม่เคยให้ใคร ความจริงที่เก็บซ่อนภายใน
วันนี้เขาขอได้ไหม สักครั้ง

ได้ไหม ให้เขานั้นระบายความคิดเป็นเพลงให้ฟัง
ให้หัวใจของเขาอย่างน้อยได้มีความหวัง
ว่าคนที่เขานั้นแอบรักจะได้ฟังสักที
ถึงแม้จะฟังแล้วไม่สนใจก็ยังดี

ยังอยากจะฟังเพลงนี้อยู่อีกหรือเปล่า
จะรังเกียจไหมที่ใครสักคนยังอยากที่จะเล่า
สิ่งเขาไม่เคยบอกใคร ความจริงที่เก็บซ่อนภายใน
วันนี้เขาขอได้ไหม สักครั้ง

ได้ไหม ให้เขานั้นระบายความรักเป็นเพลงให้ฟัง
ให้หัวใจของเขาอย่างน้อยได้มีความหวัง
ว่าคนที่เขานั้นแอบรักจะได้ฟังสักที
ถึงแม้จะฟังแล้วไม่สนใจก็ยังดี


ชอบมาก เพราะดี หลังจากนั้นก็ปิดตัวด้วยเพลง "Live & Learn" แบบเร้าใจ ต่อด้วย"Can't take my eye อะไรสักอย่างหรือเปล่า? จำไม่ได้ ไม่เก่งเพลงสากล" แล้วก็ "I'll Survive" แล้วก็เพลงอะไรอีกสักอย่างจำไม่ได้ ทุกคนออกมาร้องกันหมด แล้วก็จบเสียที...






(ปล. พรุ่งนี้สอบอังกฤษ ยังไม่ได้อ่านนอกเวลาเลย)
(ปล2. ความลับแตก เหี้ยเอ้ย เจอหน้าจะด่าหน้าแหกทุกตัว)
(Secret Project: failed)

18 February 2005

iPod Accessories

วันนี้ไปฟอร์จูนมา

ก็ทีแรกที่ไป ก็คือกะว่าจะไปซื้อรีโมตของ iPod อยู่แล้ว (ใช้เงินแต๊ะเอีย) ก็ไปเดินดูสองร้านที่ขายอุปกรณ์ Apple พบว่าเล็กกว่าขนาดที่คิดเอาไว้มาก สองที่เจอราคาเท่ากัน คือ 1,390 ก็ไปซื้อ อุตสาห์ต่อจนเหลือ 1,350 บาทได้ (ลดได้ตั้ง 40 บาท เฮ้อ น่าจะลากโจ้ไปด้วย) เสร็จแล้วเหลือบไปเห็น iPod Sock ที่แบบอยากได้อยู่ แต่ทีนี้ตอนแรกกะจะฝากแชมป์ซื้อจาเมกา ประมาณ $16 แต่จะได้ 6 อัน 6 สี แต่ทีนี้ปรากฏว่าเจอที่นี่ มันขายแยกด้วย อันละ 350 บาท แล้วตอนแรกที่เค้าแกะ ๆ อยู่แล้วไม่มีสีเขียวด้วยนะ พอเราถามว่ามีสีเขียวไหม เค้าก็จัดแจงแกะกล่องใหม่เอาสีเขียวมาให้เลย (ขายยกชุดเค้าก็มี 1,650 บาท) แสดงว่าคงมั่นใจมาก ว่าคงไม่มีใครบ้าซื้อยกกล่อง

จะว่าไป เสียดายน้องวัวจังเลย เฮ้อ แต่ iPod Sock หรูหรากว่ามาก

ภาชมภาพกัน


รีโมต iPod เล็กกว่าที่คิด แต่ตัวเครื่องเป็นเงา ๆ รอยนิ้วมือติดง่ายมาก


iPod Sock สีเขียว


พอเสียบครบชุด พบว่าหูฟังสีดำไม่เข้ากันเสียเลย แต่ก็เอาเถอะ เนื่องจากว่าสีขาวถ้าจะซื้อมันต้องบินมาไกล (จากเมกา ไม่ก็ญี่ปุ่น)


รวมมูลค่า 13,900 (iPod + Fontopia Headset + iPod Remote + iPod Sock)

(ปล. วันนี้วันสุดท้ายของการเรียน (อ๊ะ พรุ่งนี้สิ ดรออิ้ง) วันจันทร์เริ่มสอบ)
(Secret Project: 2%) เท่าเดิมอีกแล้ว...

14 February 2005

Valentine's Vacation

วันนี้คือวันวาเลนไทน์ (นี่คือการโพสท์ย้อนหลังให้วันมันตรง จริง ๆ แล้วโพสท์ตอนวันที่ 15 ตีหนึ่งครึ่ง)

ไม่อยากจะบอกว่านี่เป็นวันวาเลนไทน์ที่เซ็งพอสมควร แต่จริง ๆ แล้วก็สนุกดี ความบ้าอย่างแรกก็คือ อุตสาห์ซื้อช็อกโกแลตถุงยักษ์เตรียมไว้ แต่ลืมเอาไปมหา'ลัย! เสร่อมาก ไม่มีอะไรไปแจกเค้า มีแต่คนอื่นให้ อายเค้าจริง ๆ เอาเถอะ พรุ่งนี้เอาไปให้ย้อนหลังก็ได้

หลังจากที่เรียนอังกฤษโดยการพรีเซนต์หนังสือนอกเวลาที่แสนไร้สาระแล้ว ก็ไปสอบพละต่อ เหี้ยเอ้ย ยากยิหาย แถมนะ ต้องมีทดสอบสมรรถภาพ แล้วอ่ะ ไม่ได้ใส่ชุดพละ โดนหักคะแนน ทั้ง ๆ ที่อ.ฝึกสอนผู้ชายคราวที่แล้วบอกว่าใส่ชุดนิสิตมาก็ได้ เหี้ยเอ้ย ว้อย ๆ ๆ ๆ (ช่างแม่ง)

เสร็จแล้วก็ไปประชุมที่รร.ต่อ ก็ได้ไอเดียกิจกรรมใหม่ แล้วก็ตัดกิจกรรมบางอันทิ้งไป ก็เปลี่ยนเยอะเหมือนกัน แต่ก็ต้องมาคิดอีกอยู่ดีว่า ตกลงจะเอายังไงกับกิจกรรม "ปราการแสงไฟ" กับ "ผู้ชายพายเรือ ผู้หญิงยิงเรือ" ส่วนกิจกรรมที่ถูกตัดไป คือ "แรลลี่เปิดฟ้ามหาพิภพ" ที่จะเอาไปจัดเป็นงาน Cubic Race 1st ตอนเดือนเมษาแทน ส่วน "สงครามปฐพีพิฆาต" ก็ถึงฆาตเรียบร้อยเพราะไม่มีใครมีเวลาพอจะนั่งทดลองกิจกรรมและหาจุดสมดุล (ฟังแล้วอาจจะงงถ้าใครไม่รู้เรื่อง ช่างเถอะ...) แล้วระหว่างที่ประชุม พี่บอลล่าก็อุตสาห์โทรมาถามว่า จะไปดูหนังไป (กังฟู ฮัสเซิล) ไอ้เราก็ยังประชุมไม่เสร็จ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ ไว้จะโทรไปอีกที ปรากฏป๊อปโทรมา ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สุดท้ายเลยต้องไป แล้วก็ดีมากที่ประชุมเลิกพอดีตอนประมาณหกโมงสี่สิบ แล้วก็ให้พ่อมารับรีบบึ่งไปเมเจอร์ รถติดเหี้ย ๆ กว่าจะถึงประมาณหนึ่งทุ่มยี่สิบ (เข้าไปแล้ว หนังเริ่มไปสักพักพอดี) แต่จะบอก Kung-fu Husle ต้องไปดูให้ได้ เหี้ยเอ้ย สนุกเหี้ย ๆ ฮาสัด ๆ แนะนำให้ไปดูมาก ๆ นะจ๊ะ

เสร็จแล้ว ก็ไปเวิร์ลดคาร์นิวัลกันต่อ (วันสุดท้าย) กว่าจะไปได้ หลงทางกับพี่บอลล่า ต้องวนรถกลับมาตั้งหลักตรงเดอะมอลล์งามฯ อีกที เสียเวลาไปราว ๆ 20 - 30 นาทีได้ และแล้วก็ถึงเสียที

ตอนแรกได้ยินใครบอกไม่รู้ว่า "วันนี้สามทุ่มเล่นฟรี" เหี้ยเอ้ยฟรีไรฟะ ต้องจ่ายเงินชัด ๆ เราไปถึงก็รีบอยากจะเล่น ๆ ให้เยอะ ๆ ปรากฏ บรรดาหนุ่ม ๆ โสดทั้งสามผีพนันเข้าสิง อยากได้ตุ๊กตามาก เล่นเกมกันอยู่ด้ายยย (สุดท้ายรู้สึกไม่ได้สักตัว) สุดท้ายเลยได้เล่นแค่สองเครื่องเล่น คือไอ้เฮอร์ริเคนแบบหมุนไม่เท่ากัน (ไม่รู้ชื่ออะไร จำไม่ได้ จำได้แต่เป็นภาษาฝรั่งเศส) ส่วนอีกอันชื่ออะไรก็จำไม่ได้ ที่เป็น 6 แฉกหมุนติ้ว ๆ แต่แบบ ให้เล่นแปปเดียวเอง โคตรไม่คุ้ม (Amazing Fun Park ดีกว่ามาก) สรุปวันนี้ หมดเงินไป 200 บาท (เหลืออีก 1 token ให้พี่ป๊อป(ทรู: ไม่ใช่ป๊อป(เซ็กซี่))เล่นโบลิ่ง)

ขากลับ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งบน BMW เพราะพี่ป๊อปเกิดการซิ่งแข่งรถกลางถนนแจ้งวัฒนะกับรถ Nissan บ้าบออะไรไม่รู้ไม่ค่อยรู้เรื่องรถเหมือนกัน รู้แต่ว่า % เสียชีวิตสูงขึ้นนิดหน่อย... และก็เสียวดี (ป๊อปพาเล่นเสียว)

จบ ตอนนี้ตีหนึ่งสี่สิบ ง่วงแล้ว


อันนี้ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ หนุกดี แต่สั้นไปหน่อย (4 token)


สภาพก่อนขึ้นกับสองสาวไม่บริสุทธิ์ (กรูตาตี่จริง)


บรรดาสมาชิกที่ไปร่วมชะตากรรม (และแล้ว คนถ่ายรูปก็ไม่ได้อยุ่ในกล้อง)
จากซ้ายไปขวา ป๊อป(ทรู), อ็อฟ, ปราง, พลอย, บอลล่า, Tony (คนประเทศไรนะ ลืมแล้ว แฟนพลอย)
(เผื่อใครไม่รู้จัก)


ป๊อปที่ถูกผีเข้าสิง (โอ๋ ๆ ล้อเล่น)


อะไรบางอย่างที่พอเห็นได้จากบ้าน (มีอันอัน ยี่ห้อไทยประกันชีวิต ถ้าอันนี้พอจะเห็นชัดกว่า)
("พอ" คือชื่อคน (Paul_012))

จบ จบ
(ปล. พรุ่งนี้มีประชุมที่รร. มะรืนนี้หรือพรุ่งนี้ของมะรืนนี้มีสอบแลปเคมี)
(Secret Project 2% done.) (เท่าเดิม)

12 February 2005

Withdraw or Fail

ครั้งนี้อาจจะยาวสักหน่อยนึง...

ขอเกริ่นสำหรับคนที่ไม่รู้ จริง ๆ ถ้าเพื่อนจากสาธิตเกษตรคงจะพอเข้าใจเนเจอร์เราดี ว่าเป็นประเภทไม่ค่อยปกติ คือเรียนเหมือนชาวบ้านเค้าไม่ได้ ชอบทำอะไรบ้า ๆ พอ ๆ เน้นสนุกสนาน อะไรประมาณนั้น

เรื่องนี้ ก็สืบเนื่องจากตอนเข้ามหา'ลัยด้วย เนื่องจากว่าไม่ได้เอ็นทรานซ์ เลยใช้สิทธิ์โควต้าของโอลิมปิกในการเข้ามหา'ลัย แล้วก็เลือกคณะวิศวกรรมศาสตร ภาคคอม (เป็น 1 ใน 3 ที่ชั่งใจจะเลือกตอนนั้น) ทีนี้ตอนนั้นมันต้องเลือกระหว่างว่า จะเข้าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ภาคปกติ หรือเข้าวิศวกรรมซอฟท์แวร์ฯ ภาคอินเตอร์ ตอนนั้นก็มีการชั่งข้อดีข้อเสียของอินเตอร์ดังนี้

ข้อดี
     - เรียนเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะดีกว่าในเชิงการนำไปใช้ต่อ เพราะหาข้อมูลต่อยอดง่าย (และโดยส่วนตัวไม่รู้สึกมีปัญหากับภาษาอังกฤษเท่าไหร่)
     - พ่อยืนยันว่า ภาควิศวกรรมซอฟท์แวร์ (ก็อินเตอร์น่ะ) เป็นภาคที่ภาคคอมพยายามที่จะทำให้เป็นลักษณะของเรียนเล่น คือไม่เน้นวิชาการมาก เน้นทำ เล่น บ้า มันส์ อะไรประมาณนี้ เช่น จะมีไปเข้าค่ายเขียนโปรแกรมที่กำแพงแสน แถมฝึกงานก็ได้ฝึกงานในปี 4 เทอมต้น ได้ 9 หน่วยกิตอีกต่างหาก (ภาคปก ต้องฝึกงาน ปี 3 summer และไม่ได้หน่วยกิต (ไม่ได้เกรด) แต่ต้องฝึก) (แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฟิสิกส์ เลข เคมี ดรออิ้ง อังกฤษ เอนไว ไอที พละ ที่มาจากคณะ/ภาคอื่น)
     - ภาค IUP เป็นภาคพิเศษ เพราะฉะนั้นอาจารย์ที่มาสอนจะ "ถูกคัดกรอง" มาระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นอาจารย์จะเป็นอาจารย์คุณภาพสูงเล็กน้อย (แต่ก็ยังมีป้าสอนเต้าฮวยมาสอนฟิสิกส์ได้)
     - ยืนยันได้ว่า อาจารย์ภาคคอมที่มีนิสัยเพี้ยน ๆ และแจกเกรดยาก ๆ จะไม่ถูกมาสอน IUP แน่นอน (อ.ยืนขอยืนยัน)
     - ถ้ามีอะไรเพี้ยน ๆ สามารถร้องเรียนโวยวายได้ เพราะจ่ายแพงแล้ว ไม่เหมือนภาคปก ที่จะโวยวายอะไรไม่ได้ถ้ามีอะไรเพี้ยน ๆ เกิดขึ้น
     - เรียนง่ายด้วย เพราะว่าพวกคะแนนสูง ๆ บ้าพลังมันไปเรียนภาคปกกันหมด เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องการเรียนมากอย่างเรา เลยเป็นอะไรที่ดีที่ไม่ต้องแข่งขันกับตัวเห้

มาถึงข้อเสียบ้าง
     - แพง
     - เรียนเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะสับสนได้
     - ในสายตาสังคม การเรียนอินเตอร์ดูชั้นต่ำเหลือเกิน

ด้วยประการนี้ จึงเลือกเรียน IUP เย

มาเข้าประเด็นดีกว่า

ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหากับวิชาเคมีและฟิสิกส์อยู่มาก จนตอนนี้รู้สึกว่าไปไม่รอดชัวร์ ๆ แล้ว คือใจจริงตัวเองเนี่ย ไม่อยากเรียนปริญญาตรีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่ก็อย่างว่าแหละ สังคมไทยปริญญาตรีมันสำคัญมาก ๆ ตอนนั้นเลยคิดว่าเอาวะ เรียนก็เรียน แต่ตอนนี้เนื่องจากฟิสิกส์และเคมีดูท่าจะไม่รอด แล้วมันดันมีปัญหาว่า วิชาสองวิชานี้เป็นวิชาฉลาด ๆ (ที่คนโง่ ๆ อย่างเราเรียนไม่ได้) ของคณะวิทยาศาสตร์ที่ดันบังคับให้นิสิตวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนต้องจบ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราไม่ผ่านสองวิชานี้ ยังไงก็จะไม่สามารถจบวิดวะไปได้

แต่ด้วยความที่บ้านนี้ใจกว้างมาก (กว้างจนน่ากลัว) เพราะฉะนั้นพ่อกับแม่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสมากเรื่องที่จะเรียนจบ อยากจะทำงานเลยด้วยซ้ำ ทีนี้ด้วยความที่เป็นเด็กหัวดื้อ (ใครเคยทำงานกับเราจะรู้ดี) เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าไม่สามารถไปทำงานเป็นลูกน้องใครได้แน่ ๆ นั่นก็หมายความว่า ลืมเรื่องการ apply งานที่บริษัทใด ๆ ได้เลย พอเป็นแบบนี้ปุ๊ป วุฒิปริญญาตรีก็จะไร้ค่าไปในทันที ดังนั้นเลยไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเรียนจบ และถ้าจะทำบริษัทของตัวเอง หรือทำงานอิสระ (เช่น เป็นนักเขียนต่อไป หรือโปรแกรมเมอร์อิสระก็ตาม) ก็ไม่รู้สึกว่าการเรียนจบจะช่วยสักเท่าไหร่ จะช่วยก็แค่เรื่องแก่ขึ้น วัยวุฒิเยอะขึ้น แต่การรู้จักคน ความรู้ ก็ไม่น่าเยอะขึ้นมากเท่าไหร่ (เริ่มอิ่มตัว โดยเฉพาะทางคอม รู้สึกไม่ upgrade เลยในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา) แต่ถ้าจะลาออกไปเลย ก็รู้สึกว่าเสียดายสถานภาพนิสิต เพราะมันเหมือนยังมีเวทีให้ทำอะไรบ้า ๆ ได้อีกมาก เลยเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกสักที

แต่จากการประชุมในครอบครัววันนี้ ก็ได้ข้อสรุปในการใช้ชีวิตดังต่อไปนี้
     1. ไม่ลาออก เพื่อรักษาสถานภาพการเป็นนิสิต และเก็บเกรดตัวที่ทำได้ไว้แล้ว (เพราะว่าเสียดาย อุตสาห์บ้าพลังมาได้ตั้งเยอะแล้ว แล้วเผื่อจะลาออกวันหลังยังไม่สาย)
     2. ฟิสิกส์ กับเคมี ตอนนี้ ให้ช่างมัน (ซึ่งจะเป็นยังไงอ่านต่อไป)
     3. ให้เรียนต่อไป โดยที่ไม่แคร์ว่า จะต้องจบ หรือ จะต้องจบใน 4 ปี
     4. สำหรับวิชาที่จะเจอในปีต่อ ๆ ไป ไม่ชอบใจวิชาไหน ขี้เกียจเรียน ให้ดรอปทิ้งได้เลย ให้เรียนเฉพาะวิชาที่อยากเรียน (ถ้าอยากจบ ไปตามเก็บทีหลังเอา)
     5. ระหว่างนี้ ให้เริ่มทำงานไปด้วยได้ (ถ้าอยากจะทำ) ถ้าไม่มีเวลาพอ ก็ดรอปวิชาให้มีเวลาพอซะ
     6. จนปี 4 แล้ว ค่อยคิดอีกทีว่า จะเก็บวิชาที่เหลือให้ผ่านใน 8 ปี หรือจะลาออก
     7. ถ้าคะแนนเกิดทำท่าว่าจะต้องรีไทร์ ให้ชิ่งลาออกก่อน

ดูตอนนี้ จะรู้สึกได้ว่า เป็นอะไรที่บ้ามาก (รู้สึกเหมือนกัน) แต่ก็เอาเถอะ เรามาพูดถึงปัญหาจริง ๆ เสียทีดีกว่า

ปัญหาตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากว่าจะทิ้งวิชาฟิสิกส์ กับเคมีแน่ ๆ แล้ว เลยจะต้องเลือกแล้วว่า จะทิ้งเป็น F หรือ W

ถ้าทิ้งเป็น F...
     - เกรดติดลบเยอะ
     - หมดสิทธิ์เกียรตินิยม <- แต่ยังหวังจะเอาด้วยหรอ???
     - แต่วิชาแลป ไม่ต้องทิ้งไปด้วย จะแค่ติด I และเก็บเกรดไว้ ไม่ต้องเรียนใหม่ ได้เกรดเมื่อผ่าน (ซึ่งเมื่อไหร่ไม่รู้)

ในขณะเดียวกัน ถ้าชิง W...
     - เกรดติดลบน้อย ไม่มีผลเลยมากกว่า
     - ยังมีลุ้นเกียรตินิยม
     - แต่วิชาแลปต้องดรอปตาม นั่นหมายความว่า ถ้าอนาคตเกิดอยากจะจบขึ้นมา ก็ต้องไปเรียนแลปเคมีกับฟิสิกส์อีกรอบบบ ม่ายยยยยยยยยยยยยยย T.T (แถมเรียนกับเด็กน้อยอายุน้อยกว่าราว ๆ 4 ปี)

เพราะฉะนั้นเลยชั่งใจไม่ได้

ว่าจะ W หรือ F...

(ปล. วันนี้บางรักซอยเก้าไม่ยอมฉาย มีโขนแทน อีกสองวันวันวาเลนไทน์ ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย เฮ้อ)
(Secret Project: 2% done.)

10 February 2005

Funny Examination

และแล้วสอบเพชรกระพี้จั่นก็จบลง เหนื่อยมาก...

ไม่รู้จะเล่าอะไรก่อนดี มันมีอะไรฮา ๆ มากมายตั้งแต่เริ่มแรก เมื่อวานตอนสอบรอบแรก วุ่นวายมากกับการคุมสอบ เนื่องจากว่าคนไม่พอ และไม่ได้มีการเตรียมตัว ตอนแรกเด็กที่เข้าสอบกว่า 108 ชีวิตก็วุ่นวายสับสนกันอยู่หน้าห้องสอบ (ระดับ ม.3) กว่าจะต้อนเด็กขึ้นไปประชุมรวมที่ดาดฟ้าก่อน ค่อยพาเด็กลงมาสอบ ก็กินเวลาไปราว ๆ ยี่สิบนาทีแล้ว การสอบเลยเริ่มต้นขึ้นล่าช้าไป 20 นาทีเป็น 16.20 น. แล้วก็เกิดอาการคุมสอบไม่พอ มีบางช่วงต้องมีคนยืนระหว่างห้อง เพื่อดูสองห้องพร้อม ๆ กัน (ทั้ง ๆ ที่ ห้อง 1 มีคนคุมสองคนเนี่ยนะ?) แล้วก็อีตาพิเชษฐ์กับน็อตแล้วก็บีดันจะกลับบ้านตอนห้าโมงพร้อม ๆ กัน ยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่ ต้องโทรตามอิ๊กกะแก้วมาคุมสอบ ไม่พอ แก้วมาคุมสอบมาถึงก็กางการบ้านเคมีนั่งทำ (ภานุมาศมาบอกทีหลังว่า ตอนเดินผ่าน ๆ ห้องของแก้ว เหมือนเห็นเด็กแอบยุกยิกอะไรกัน สงสัยโกงกันระนาว) บ้ามาก พอสอบเสร็จแล้ว

หลังจากที่เด็กโวยวายว่าข้อสอบยาก และเราต้องรีบเก็บกระดาษคำตอบมาหลบในห้องเขาวงกตเพื่อตรวจข้อสอบก่อนที่จะถูกเด็กรุมตื๊บแล้ว ก็เกิดเรื่องฮาอีกที่ว่า ดันทำ key กระดาษคำตอบตั้ง 4 อัน แต่มีคนตรวจแค่ 2 คน แถม key ดันไม่ตัดช่องข้อ 27 ไว้อีกต่างหาก พอตรวจเสร็จรอบนึง ก็ต้องมาตรวจข้อ 27 อีกรอบ แก้คะแนนอีกรอบ แทบบ้า ผลสรุปคือ เต็ม 100 สูงสุดได้ 62 เหอ เหอ เหอ ยังไม่ได้คิดค่าเฉลี่ยหรอกนะ แต่สงสัยจะต่ำกว่า 30

ยังไม่พอ อยู่ ๆ เราก็เกิดอารมณ์อยากจะเปลี่ยนการแข่งขันรอบสอง จากที่ประเภทเดี่ยวต้องแข่งตอบคำถามสด ๆ แบบประเภททีมแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นให้นั่งทำข้อสอบ 6 ข้อ ข้อละ 10 คะแนนแทน เลยต้องออกข้อสอบกันชนิดเผาขน ได้เลขข้อมหาโหด 3 ข้อ และวิทย์อีก 3 ข้อ เกิดอะไรขึ้นบ้างกับข้อสอบนี้น่ะหรอ? หึหึหึหึหึ
  • ข้อสอบเลข 3 ข้อ มีแค่ข้อ 1 ที่มีคนทำได้ 3 คะแนน (เต็ม 10) 2 คน นอกนั้น 0
  • ข้อสอบเลขที่เหลือ (2-3) ได้ 0 ทุกคน)
  • ข้อสอบวิทย์เคมีทำกันได้เยอะที่สุด ส่วนชีวะ ออกแบบการทดลองก็ทำกันพอได้ และฟิสิกส์ เรื่องพาราแลกซ์ทำกันไม่ค่อยได้เลย (บ้ามาก เด็กเรียนด้วยหรอฟะ)
  • ตรวจข้อสอบชีวะมีแต่อะไรฮา ๆ ให้ออกแบบการทดลองในหัวข้อว่า "คาร์บอนไดออกไซด์และแสงมีผลต่อการสังเคราะห์แสงของพืชอย่างไร?" มีเด็กออกแบบการทดลองโดยเขียนอุปกรณ์ว่า ต้องการ "เวลา" ยังไม่พอ อีกคนเขียนตัวแปรควบคุมเป็น "แสงและ CO2" โอ้วพระเจ้า
  • ข้อสุดท้าย ถามว่าทำยังไงให้ทดสอบมะม่วงดิบแล้วเจอน้ำตาล บอกเอาไปแช่น้ำเชื่อม โรยน้ำตาล และอีกคน บอกให้เอาน้ำลายไปทา (เพราะเอ็นไซม์จะย่อยแป้งเป็นน้ำตาล) ฮามาก แต่ก็ไม่ผิดนะ ถูกหมด
ส่วนการแข่งแบบทีม การแข่งขันได้ผลที่สูสีมาก ที่ 1 ได้ 205 คะแนน และที่ 2 ได้ 80 คะแนน... เอ่อ คือว่า...

พอแล้วดีกว่า มันเป็นการสอบแข่งขันทางวิชาการที่บ้าที่สุดเท่าที่เคยเจอ (รับไมได้) เอ้อ ประเภทเดี่ยว เต็ม 60 สูงสุด 18.9 อ๊ากกก

จบเรื่องการสอบ เพิ่มเรื่องการเมืองนิดนึง ชูวิทย์ได้เข้าสภาแล้ว ชาติไทยได้ 8 คน เย เย (แต่ทรท. ก็มากกว่า 375 อยู่ดี เซ็ง)


ขาอาตี้ เขียนหน้ายิ้มไว้ บ้าดี

ส่วนข้อสอบ เผื่ออยากดู ดาวน์โหลดได้ที่เว็บชมรม http://www.cubiccreative.net/

ปล. พรุ่งนี้วันเกิดพีท อีกสามวันวันวาเลนไทน์

08 February 2005

Democrats' Fall

บัญญัติลาออกแล้ว...

อภิสิทธ์ก็เหมือนจะลาออกตามด้วย (ลากันทั้งเซ็ต) น่าสงสารจริง ๆ แต่จริง ๆ ก็ดีแล้วแหละ อย่างน้อยก็รักษาคำพูด น่าลุ้นเหมือนกันว่าปชป. จะเป็นยังไงต่อไป ตอนนี้ก็สั่นคลอนมาก ๆ เลย ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีของปชป. จะมาจบสิ้นเพราะทรท. หรือเปล่า ฮา...

อีกข่าว พรรคมหาชนยังไม่ยุบ เค้าบอกว่าเพราะถ้ายุบ จะกลายเป็นการลดทางเลือกให้กับประชาชน เอ้อ...เอาเข้าไป... แต่ก็ตอนนี้ยังมีลุ้นอยู่แหละนะว่าอาจจะได้อีกเขตนึง เป็นสองเขต พอ ๆ กับที่ชาติไทยลุ้นว่าจะครบ 5% หรือเปล่า เพราะยังนับไม่หมด

เบื่อเรื่องการเมืองแล้ว มาเรื่องอื่นบ้างดีกว่า พรุ่งนี้จะสอบเพชรกระพี้จั่นแล้ว หลังจากพิมพ์ข้อสอบกว่า 9 ชั่วโมง และมีแก้ไขอีกนิดหน่อย ตอนนี้ มันก็เสร็จเสียที (ไว้สอบเสร็จแล้วจะอัปโหลดให้ดู ว่าเด็กม.ต้นเดี๋ยวนี้มันเนื้อหาเรียนเรื่องพรรค์นี้กันแล้วหรอ?) แต่พรุ่งนี้ดีกว่า ต้องไปช่วยคุมสอบกับตรวจข้อสอบอีก เฮ้อ.. เบื่อ แอบขี้เกียจทำ แต่เอาเถอะ ก็ช่วย ๆ กาน...

พอดีกว่า ไว้พรุ่งนี้มีอะไรฮา ๆ จะมาโพสท์
(ปล. วันนี้วันเกิดจรสพงษ์ อายุครบ 19 ปี ว้าย แก่...)

Chemistry Chaos

ตอนนี้นั่งเรียนเคมีอยู่

อันนี้ไม่มีอะไรทำ เลยมาโพสท์เล่น ๆ ตอนนี้ทรท.ได้เกิน 375 เสียงเรียบร้อยแล้ว ช่างเหอะแม่ง จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน เหอ ๆ คงไม่หนักหนามาก

ตอนนี้นั่งเรียนเคมีอยู่ น่าเบื่อดี อยากจะเลิกเรียนแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาเรียนเคมี เบื่อโว้ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เฮ้อ ช่างหัวแม่ง...

07 February 2005

Monopoly Parliament

หึหึหึ ทรท.ยึดได้ไปตามระเบียบ

วันนี้ตอนไปที่โรงอาหารกลาง เจอใบหาเสียงอยู่ที่พื้น เป็นของไทยรักไทย ความหมายประมาณว่า รัฐบาลพรรคเพียวจะเพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน โปรดเลือกไทยรักไทยเข้าไป อย่าเลือกพรรคจำนวนมาก ๆ เข้าไปคานอำนาจ จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ อะไรประมาณนั้น

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง ๆ แล้วควรจะเป็นยังไง โดยส่วนตัวก็อยากให้ทักษิณเป็นนายกอ่ะนะ แต่ไม่อยากให้อำนาจเบ็ดเสร็จเกินไป เพราะถ้าถึงจุดนึง ถ้าผู้แทนในสภาไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้ สุดท้ายแล้วคนที่จะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ก็ต้องกลายเป็นประชาชนส่วนน้อยที่ต้องไปเดินประท้วง (เพราะเก็บ 50,000 ชื่อไม่ง่ายนักหรอก) แล้วสุดท้ายก็อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมแบบตอนปี 35 มั้ง (ไม่รู้นะ ดูจากทีวีวิเคราะห์) ก็หวังว่าอีก 4 ปีจะไม่มีอะไรร้าย ๆ แล้วกัน เย เย

ความรู้เพิ่มเติม:

  • ต่ำกว่า 100 เสียง ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในกรณีบกพร่องในหน้าที่ได้

  • ต่ำกว่า 125 เสียง ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในกรณีทุจริตได้

  • ต่ำกว่า 200 เสียง ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

  • ต่ำกว่า 251 เสียง ไม่สามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรีได้


ขอลุ้นให้ไทยรักไทยได้น้อยกว่า 375 เสียงแล้วกัน...

พอดีกว่า วันนี้เหนื่อยมากเลย เรียนพละแทบบ้า

ปล. วันนี้ม.6 กลับจากเขาชนไก่แล้ว ส่วนพรุ่งนี้วันเกิดจรสพงษ์

06 February 2005

Election Day

เอาล่ะ ได้เวลาโพสท์อย่างจริงจังเสียที

ก็นี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่ได้โพสท์ Blog จริง ๆ แล้วก็เห็นคนทำกันมานักต่อนักอ่ะนะ แต่ด้วยความที่เป็นคนที่เล่นอะไรได้ไม่ค่อยยืนยาว เลยรู้สึกว่าถ้าทำ Blog คนจะโพสท์ได้ไม่กี่วัน แล้วก็เบื่อไปซะก่อน เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วการเริ่มเขียน Blog ครั้งนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทายในชีวิตมากพอสมควรเหมือนกัน และหลาย ๆ คนอาจจะถามว่าทำไมไม่ใช้บริการ Blog ของไทยเรา คือด้วยความที่เป็นคนแอบชอบ Google อยู่ เลยอยากที่จะใช้บริการของ Google เสียหน่อย (เผื่อคนยังไม่รู้ Blogger เป็นของ Google)

ไหน ๆ โอกาสนี้ก็พูดเรื่องเลือกตั้งหน่อยแล้วกัน วันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ไม่อยากจะบอกว่าวันนี้นอนหลับทับสิทธิ์ (ด้วยความที่ว่าขี้เกียจมาก คือตอนบ่าย ๆ กะออกไปแล้วล่ะ แต่แดดมันร้อนเหลือเกิน เลยขี้เกียจ) ตอนนี้คะแนนไทยรักไทยก็พุ่งปรี๊ดไปตามความคาดหมาย (ไม่ได้เชียร์ไทยรักไทยหรอกนะ แต่ความจริงก็คือความจริง) ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าวันนี้ออกไปเลือกตั้งแล้วไทยรักไทยจะได้ที่นั่งลดลงหรือเปล่า (อาจจะเป็นแบบ Butterfly Effect) แต่พูดถึงเรื่องนี้แล้วไม่ชอบเลย อยากให้มันได้ที่นั่งน้อยกว่านี้สักหน่อย เอาไปแค่ 250 ก็พอแล้ว ที่เหลือให้มาดุลอำนาจก็ดีแล้วจะได้ไม่เวอร์เกินไป

โดยส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลใน 4 ปีที่ผ่านก็มาก็ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรนะ? คืออย่างน้อยก็รู้สึกว่าเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็ดูทำนู้นทำนี้เยอะดี ไวด้วย แต่ก็อยากรู้จริง ๆ ว่ามันโกงเยอะหรือเปล่า? (คือโกงน่ะมีชัวร์ พรรคไหนก็มีโกง แต่ไม่รู้ว่าเยอะไปหรือเปล่า) เรื่องแบบนี้ก็พูดยาก แต่จริง ๆ แล้วก็การเลือกตั้งก็น่าจะบอกได้ (มั้ง) เพราะการเลือกตั้งครั้งน่าจะโกงกันถล่มทลาย เราก็หวังว่าอีก 4 ปีประเทศไทยจะดูดีมีสกุลขึ้นก็แล้วกัน สาธุ...

พอแค่นี้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปเรียนเลขอ.นงนุชอีก หงึ หงึ ขี้เกียจเรียนจัง ปิดเกษตรแฟร์ 1 สัปดาห์ไม่พอจริง ๆ

ปล. พรุ่งนี้รด. ม.6 กลับเขาชนไก่ และมะรืนนี้วันเกิดจรสพงษ์

05 February 2005

Mama Factory

จริง ๆ แล้วอันนี้เป็นการโพสท์ย้อนหลัง

เนื่องจากวันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ไปโรงงานมาม่ามา (งงมะ? มาม่ามา) แล้วก็เนื่องจากวิชา Environment อยากให้เราไปดูการบำบัดน้ำเสียของโรงงานมาม่าเพื่อเป็นความรู้ (เชี่ยเอ้ยใครอยากรู้ฟะ?) วันนี้ก็เลยต้องถ่อมาโรงงานมาม่าที่ศรีราชา (ใช่เปล่าหว่า? ไม่ใช่ใครก็ได้มาแก้ด้วย) มาถึงเค้าก็มีดีวีดีให้ดู (หรูป่ะ?) เกี่ยวกับบริษัท แล้วก็วิธีการผลิตมาม่านิดหน่อย เสร็จแล้วก็ให้ไปดูกระบวนการผลิตมาม่า เริ่มจากผสมแป้ง แล้วมารีดเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วตัดเป็นเส้น ๆ ให้ขด ๆ กัน เสร็จแล้วตัดเป็นก้อน ๆ นำไปนึ่ง แล้วก็เอามาราดน้ำซุป แล้วทอดด้วยระบบบ้าบออะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ แล้วเป่าให้เย็น/แห้ง แล้วบรรจุซองพร้อมเครื่องปรุง อย่างน้อยก็ได้ความรู้เพิ่มเติมดังต่อไปนี้ (ข้อไหนผิดช่วยแก้ด้วย)
  • ถ้ากินมาม่าโดยไม่กินเครื่องรปรุง จะไม่เจอผงชูรส (แต่ใครจะทำแบบนั้น?)

  • เมียวโจ้ราเม็งเป็นของมาม่าด้วย

  • มาม่าหนึ่งซองพร้อมเครื่องปรุง ได้ผลชูรส 0.12 กรัม?

  • มาม่ามี 18 รสชาติ

  • ขายดีสุดคือต้มยำกุ้ง รองมาด้วยหมูสับ และต้มยำกุ้งน้ำข้น

  • ผลิตวันละ 5 ล้านซอง ส่งออก 20% (คนไทยกินเองวันละ 4 ล้านซอง)

  • มีส่วนแบ่งทางการตลาด 52% ในบรรดา วว ยย มม

  • ชื่อมาม่า มาจากแนวคิดที่ว่าเราหิว แล้วร้องเรียกหาแม่ (ว้าว)
อย่างน้อยครั้งนี้ก็ทำให้เราได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาม่า แต่เกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียที่เป็นหัวใจสำคัญของการไปดูนั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย (รู้แต่ว่าบ่อแม่งเหม็นเหี้ย ๆ) เรามาชมภาพกัน...


ตาล กะ ลิ้ง หลับนอน


นิสิตเกษตรบุกโรงงานมาม่า


ผีมือการถ่ายรูปที่ดูดีมีระดับ (กว่า...)


ไอ้เก่งปล่อยไก่ (มีวีดีโอตอนเต้นด้วย)


สุดท้าย ดูบ่อบำบัด สาบานได้ว่านั่นคือฟอง และสาบานได้ว่ามันใหญ่กว่ามือ

จบละกัน ฮา...