ครั้งนี้อาจจะยาวสักหน่อยนึง...
ขอเกริ่นสำหรับคนที่ไม่รู้ จริง ๆ ถ้าเพื่อนจากสาธิตเกษตรคงจะพอเข้าใจเนเจอร์เราดี ว่าเป็นประเภทไม่ค่อยปกติ คือเรียนเหมือนชาวบ้านเค้าไม่ได้ ชอบทำอะไรบ้า ๆ พอ ๆ เน้นสนุกสนาน อะไรประมาณนั้น
เรื่องนี้ ก็สืบเนื่องจากตอนเข้ามหา'ลัยด้วย เนื่องจากว่าไม่ได้เอ็นทรานซ์ เลยใช้สิทธิ์โควต้าของโอลิมปิกในการเข้ามหา'ลัย แล้วก็เลือกคณะวิศวกรรมศาสตร ภาคคอม (เป็น 1 ใน 3 ที่ชั่งใจจะเลือกตอนนั้น) ทีนี้ตอนนั้นมันต้องเลือกระหว่างว่า จะเข้าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ภาคปกติ หรือเข้าวิศวกรรมซอฟท์แวร์ฯ ภาคอินเตอร์ ตอนนั้นก็มีการชั่งข้อดีข้อเสียของอินเตอร์ดังนี้
ข้อดี
- เรียนเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะดีกว่าในเชิงการนำไปใช้ต่อ เพราะหาข้อมูลต่อยอดง่าย (และโดยส่วนตัวไม่รู้สึกมีปัญหากับภาษาอังกฤษเท่าไหร่)
- พ่อยืนยันว่า ภาควิศวกรรมซอฟท์แวร์ (ก็อินเตอร์น่ะ) เป็นภาคที่ภาคคอมพยายามที่จะทำให้เป็นลักษณะของเรียนเล่น คือไม่เน้นวิชาการมาก เน้นทำ เล่น บ้า มันส์ อะไรประมาณนี้ เช่น จะมีไปเข้าค่ายเขียนโปรแกรมที่กำแพงแสน แถมฝึกงานก็ได้ฝึกงานในปี 4 เทอมต้น ได้ 9 หน่วยกิตอีกต่างหาก (ภาคปก ต้องฝึกงาน ปี 3 summer และไม่ได้หน่วยกิต (ไม่ได้เกรด) แต่ต้องฝึก) (แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฟิสิกส์ เลข เคมี ดรออิ้ง อังกฤษ เอนไว ไอที พละ ที่มาจากคณะ/ภาคอื่น)
- ภาค IUP เป็นภาคพิเศษ เพราะฉะนั้นอาจารย์ที่มาสอนจะ "ถูกคัดกรอง" มาระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นอาจารย์จะเป็นอาจารย์คุณภาพสูงเล็กน้อย (แต่ก็ยังมีป้าสอนเต้าฮวยมาสอนฟิสิกส์ได้)
- ยืนยันได้ว่า อาจารย์ภาคคอมที่มีนิสัยเพี้ยน ๆ และแจกเกรดยาก ๆ จะไม่ถูกมาสอน IUP แน่นอน (อ.ยืนขอยืนยัน)
- ถ้ามีอะไรเพี้ยน ๆ สามารถร้องเรียนโวยวายได้ เพราะจ่ายแพงแล้ว ไม่เหมือนภาคปก ที่จะโวยวายอะไรไม่ได้ถ้ามีอะไรเพี้ยน ๆ เกิดขึ้น
- เรียนง่ายด้วย เพราะว่าพวกคะแนนสูง ๆ บ้าพลังมันไปเรียนภาคปกกันหมด เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องการเรียนมากอย่างเรา เลยเป็นอะไรที่ดีที่ไม่ต้องแข่งขันกับตัวเห้
มาถึงข้อเสียบ้าง
- แพง
- เรียนเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะสับสนได้
- ในสายตาสังคม การเรียนอินเตอร์ดูชั้นต่ำเหลือเกิน
ด้วยประการนี้ จึงเลือกเรียน IUP เย
มาเข้าประเด็นดีกว่า
ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหากับวิชาเคมีและฟิสิกส์อยู่มาก จนตอนนี้รู้สึกว่าไปไม่รอดชัวร์ ๆ แล้ว คือใจจริงตัวเองเนี่ย ไม่อยากเรียนปริญญาตรีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่ก็อย่างว่าแหละ สังคมไทยปริญญาตรีมันสำคัญมาก ๆ ตอนนั้นเลยคิดว่าเอาวะ เรียนก็เรียน แต่ตอนนี้เนื่องจากฟิสิกส์และเคมีดูท่าจะไม่รอด แล้วมันดันมีปัญหาว่า วิชาสองวิชานี้เป็นวิชาฉลาด ๆ (ที่คนโง่ ๆ อย่างเราเรียนไม่ได้) ของคณะวิทยาศาสตร์ที่ดันบังคับให้นิสิตวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนต้องจบ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราไม่ผ่านสองวิชานี้ ยังไงก็จะไม่สามารถจบวิดวะไปได้
แต่ด้วยความที่บ้านนี้ใจกว้างมาก (กว้างจนน่ากลัว) เพราะฉะนั้นพ่อกับแม่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสมากเรื่องที่จะเรียนจบ อยากจะทำงานเลยด้วยซ้ำ ทีนี้ด้วยความที่เป็นเด็กหัวดื้อ (ใครเคยทำงานกับเราจะรู้ดี) เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าไม่สามารถไปทำงานเป็นลูกน้องใครได้แน่ ๆ นั่นก็หมายความว่า ลืมเรื่องการ apply งานที่บริษัทใด ๆ ได้เลย พอเป็นแบบนี้ปุ๊ป วุฒิปริญญาตรีก็จะไร้ค่าไปในทันที ดังนั้นเลยไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเรียนจบ และถ้าจะทำบริษัทของตัวเอง หรือทำงานอิสระ (เช่น เป็นนักเขียนต่อไป หรือโปรแกรมเมอร์อิสระก็ตาม) ก็ไม่รู้สึกว่าการเรียนจบจะช่วยสักเท่าไหร่ จะช่วยก็แค่เรื่องแก่ขึ้น วัยวุฒิเยอะขึ้น แต่การรู้จักคน ความรู้ ก็ไม่น่าเยอะขึ้นมากเท่าไหร่ (เริ่มอิ่มตัว โดยเฉพาะทางคอม รู้สึกไม่ upgrade เลยในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา) แต่ถ้าจะลาออกไปเลย ก็รู้สึกว่าเสียดายสถานภาพนิสิต เพราะมันเหมือนยังมีเวทีให้ทำอะไรบ้า ๆ ได้อีกมาก เลยเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกสักที
แต่จากการประชุมในครอบครัววันนี้ ก็ได้ข้อสรุปในการใช้ชีวิตดังต่อไปนี้
1. ไม่ลาออก เพื่อรักษาสถานภาพการเป็นนิสิต และเก็บเกรดตัวที่ทำได้ไว้แล้ว (เพราะว่าเสียดาย อุตสาห์บ้าพลังมาได้ตั้งเยอะแล้ว แล้วเผื่อจะลาออกวันหลังยังไม่สาย)
2. ฟิสิกส์ กับเคมี ตอนนี้ ให้ช่างมัน (ซึ่งจะเป็นยังไงอ่านต่อไป)
3. ให้เรียนต่อไป โดยที่ไม่แคร์ว่า จะต้องจบ หรือ จะต้องจบใน 4 ปี
4. สำหรับวิชาที่จะเจอในปีต่อ ๆ ไป ไม่ชอบใจวิชาไหน ขี้เกียจเรียน ให้ดรอปทิ้งได้เลย ให้เรียนเฉพาะวิชาที่อยากเรียน (ถ้าอยากจบ ไปตามเก็บทีหลังเอา)
5. ระหว่างนี้ ให้เริ่มทำงานไปด้วยได้ (ถ้าอยากจะทำ) ถ้าไม่มีเวลาพอ ก็ดรอปวิชาให้มีเวลาพอซะ
6. จนปี 4 แล้ว ค่อยคิดอีกทีว่า จะเก็บวิชาที่เหลือให้ผ่านใน 8 ปี หรือจะลาออก
7. ถ้าคะแนนเกิดทำท่าว่าจะต้องรีไทร์ ให้ชิ่งลาออกก่อน
ดูตอนนี้ จะรู้สึกได้ว่า เป็นอะไรที่บ้ามาก (รู้สึกเหมือนกัน) แต่ก็เอาเถอะ เรามาพูดถึงปัญหาจริง ๆ เสียทีดีกว่า
ปัญหาตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากว่าจะทิ้งวิชาฟิสิกส์ กับเคมีแน่ ๆ แล้ว เลยจะต้องเลือกแล้วว่า จะทิ้งเป็น F หรือ W
ถ้าทิ้งเป็น F...
- เกรดติดลบเยอะ
- หมดสิทธิ์เกียรตินิยม <- แต่ยังหวังจะเอาด้วยหรอ???
- แต่วิชาแลป ไม่ต้องทิ้งไปด้วย จะแค่ติด I และเก็บเกรดไว้ ไม่ต้องเรียนใหม่ ได้เกรดเมื่อผ่าน (ซึ่งเมื่อไหร่ไม่รู้)
ในขณะเดียวกัน ถ้าชิง W...
- เกรดติดลบน้อย ไม่มีผลเลยมากกว่า
- ยังมีลุ้นเกียรตินิยม
- แต่วิชาแลปต้องดรอปตาม นั่นหมายความว่า ถ้าอนาคตเกิดอยากจะจบขึ้นมา ก็ต้องไปเรียนแลปเคมีกับฟิสิกส์อีกรอบบบ ม่ายยยยยยยยยยยยยยย T.T (แถมเรียนกับเด็กน้อยอายุน้อยกว่าราว ๆ 4 ปี)
เพราะฉะนั้นเลยชั่งใจไม่ได้
ว่าจะ W หรือ F...
(ปล. วันนี้บางรักซอยเก้าไม่ยอมฉาย มีโขนแทน อีกสองวันวันวาเลนไทน์ ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย เฮ้อ)
(Secret Project: 2% done.)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
4 comments:
รู้สึกจิ้งจอกเพลิงมีปัญหากับ Blogger เรื่อง auto-refresh จัง...
แต่แปลกดีเนอะ บางทีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก มันก็ไมค่อยมีอะไรแบ่ง... (งงหรือเปล่า คนเขียนงง)
เมื่อกี้จะ comment อะไรอีก จำไม่ได้แล้ว ช่างเถอะ...
คิดคล้ายๆกันเลย
แต่ณัช ถามจิงๆ
นายเป็น...รึเปล่า...อิอิ(ไม่ต้องตอบหรอกนะ แซว)
แล้วคนเก่งตรรกะทุกคน จะโง่งี่เง่าเรื่องที่มันจับต้องไม่ได้ นี่จิงป่าวอ่ะ?(แบบนาย)
...ไปแล้ว โดดเรียนเป็นอาจิน ตอนนี้ชักอยากเรียนขึ้นมาละ แต่ก้อมีเรื่องซวยๆ เข้ามาขัดทุกที เซง...
อยากกลับไปอยู่ ม.6 เทอมปลายจัง
ที่จริงเหมือนจะเป็น antisocial genius หรือเปล่า แบบ... น่ะ
Post a Comment